WandaVision (สามารถดูได้ใน Disney+ Hotstar)
• รู้ว่าดีแบบนี้กดดูไปตั้งนานแล้ว ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความกล้าที่จะทำซิตคอมซูเปอร์ฮีโร่สดใหม่ แล้วค่อยกลับมาสไตล์การดำเนินเรื่องแบบจักรวาลมาร์เวล
• ส่วนตัวว้าวกับช่วงที่เป็นซิตคอมเพียว ๆ มาก ให้แคบลงมาคือช่วง 3 ตอนแรก ความเป็นคอเมดี้เลเวลนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อย ๆ พอช่วงท้ายกลับมามีองค์กรนั่นนี่ มีฮีโร่-คู่ปรับ มีแอ็คชั่นก็จำเจละ แต่ยังดีว่าซีรีส์ใช้เซ็ตติ้งความเป็นเมืองมโนได้คุ้มค่าจนจบ
• ไม่ค่อยได้ดูซิตคอมตะวันตก ยิ่งซิตคอมยุค 50-70's นี่ไม่เคยผ่านตาเลย แต่อย่างน้อยยังสัมผัสได้ถึงอิทธิพลจากหนัง Pleasantville ที่เป็นรายการโลกสวยชุมชนในฝัน มาเหมือนกันตรงที่เริ่มมีดราม่าจากภายนอกเข้ามาสั่นคลอนสิ่งที่ตัวเอกเชื่อว่าสวยงาม
• ช่วงซิตคอมสนุกมากกกกกกกก ต้องเล่าเรื่องคู่รักมีพลังวิเศษแต่เลือกจะปกปิดเป็นความลับและต้องปรับตัวเข้าหาชุมชน มุกเยอะ เล่นได้บันเทิง ชอบโชว์มายากล เล่าได้สนุกจริง
• เหมือนมี easter egg เอาไว้เชื่อมโยงหาตัวละครจาก X-Men และ Fantastic Four ไม่นับการหยิบตัวละครสมทบในจักรวาลหนังมาร์เวลมาใช้ให้แฟน ๆ ได้เชื่อมโยงหากันสนุกสนาน
• วันด้าเองก็คล้าย ๆ แซม วิลสัน ที่ไม่ค่อยมีพื้นที่ให้เล่าในหนัง พอมาเป็นซีรีส์ของตัวเองจึงมีเวลาเต็มที่ให้สำรวจตัวละครวันด้า และปล่อยให้อลิซาเบธ โอลเซ่น ได้โชว์การแสดง
• ถ้าว่าตามจริง วันด้า ฉบับซีรีส์คือเทาค่อนไปทางดำ เป็นตัวละครที่ละเมิดคนอื่นด้วยการกล่อมประสาทคนทั้งเมืองเพื่อความต้องการของตัวเอง การนำเสนอของซีรีส์จึงต้องระวังเส้นแบ่งในการทำให้คนดูเข้าใจว่าเจตนาดีหรือความเศร้าหลังการสูญเสียจะสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่มีความผิด ซึ่งเรารู้สึกว่าการให้ โมนิก้า มีท่าทีเข้าอกเข้าใจวันด้า คือทิศทางยอมรับการกระทำดังกล่าว
• 3 ตอนสุดท้าย (EP.7-9) มี post-credit รวมกัน 4 ตัว ของ EP.7-8 มีตัวเดียวเป็นเกี่ยวกับเนื้อหาในซีซั่น ส่วน EP.9 มี 2 ตัว เหมือนจะเผื่อไว้สำหรับหนังในอนาคต
-------------------------------------
การที่ 'วันด้า' (Elizabeth Olsen) สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ โตขึ้นมาก็สูญเสียฝาแฝดไปจนต้องอยู่คนเดียว ครั้นพอมีความผูกพันกับ 'วิสชั่น' (Paul Bettany) ก็ต้องเห็นเขาตายต่อหน้าต่อตาถึง 2 ครั้ง 2 ครา ปัจจัยความโหดร้ายเหล่านี้จึงเป็นมูลเหตุเพียงพอที่จะทำให้เธอโหยหาโลกในจินตนาการสักแห่งที่สามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นดั่งฝัน มีความสุขแบบซิตคอมครอบครัวยุค American Dream อยู่กับคนรักเผชิญหน้ากับปัญหาป่วน ๆ เรียบง่าย เช่นการปรับตัวเข้าหาชุมชน และปกปิดพลังวิเศษที่มีติดตัวมา โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเธอทำให้เกิดผลกระทบตามมา
.
ชอบความเป็นซิตคอมของ WandaVision มาก ส่วนตัวไม่ใช่แฟนซิตคอมอะไรขนาดนั้น แต่เราชื่นชมการหยิบเอกลักษณ์ของซิตคอมครอบครัวมาผูกกับความเป็นคนมีพลังวิเศษ แล้วให้สองนักแสดงนำฉีกคาแรคเตอร์ที่คุ้นเคยในจักรวาลหนังมาร์เวล มาเล่นคอเมดี้เต็มตัว การตัดสินใจแบบนี้มันต้องใช้ความกล้าหาญในการกำหนดทิศทางโทนซีรีส์ให้แตกต่างจากภาพจำของคนดู ไม่ต่างจากสมัยที่ Thor: Ragnarok จะเปลี่ยนโทนของธอร์มาเล่ากวน ๆ ขายขำ โดยยังรักษาความเป็นซูเปอร์ฮีโร่และทำให้ตัวละครมีมิติโดดเด่นขึ้นมา เพียงแต่ WandaVision อาจจะเป็นการเจอกันครึ่งทาง ไปสุดในซิตคอมตั้งแต่ยุค 50's จนถึง 2000' แล้วก็ผ่อนโทนลงมาเล่าประเด็นที่ต้องการนำเสนอตามแบบปกติ
.
ที่น่าสนใจคือการเขียนบทของซีรีส์ การกำหนดให้วันด้าหลบหนีความเจ็บปวดในโลกความจริงมาอยู่ในโลกจินตนาการ สามารถอธิบายตัวละครออกมาได้หลายแง่มุม สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงแค่การได้สร้างครอบครัวกับคนรัก แต่เธอไม่ได้ตระหนักถึงการละเมิดจิตใจคนจำนวนมากให้มาสวมบทบาทในซิตคอมของเธอ และไม่ได้ระแวดระวังภัยคุกคามจากคนที่ต้องการหาประโยชน์จากความล้ำค่าของวิสชั่น รวมถึงพลังมหาศาลของวันด้า จุดนี้จึงเป็นการเล่นกับทั้งการตัดสินใจปล่อยวางของวันด้า ที่มีจุดให้ปล่อยฉากชวนอินตาม จนเราคิดว่า WandaVision คืองานปั้นอลิซาเบธ โอลเซ่น ในบทวันด้า อย่างแท้จริง และยังให้เธอได้โชว์พลังตามแบบฉบับหนังซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีความช่วยเหลือจาก 'โมนิก้า' (Teyonah Parris) จนเป็นการปูทางไปสู่การขยับขยายบทบาทของวันด้าใน Phase 4
Creator: Jac Schaeffer (เขียนบท Black Widow, The Hustle)
9 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 30 นาที)
A-
#หนังโปรดxDisneyplusHotstar
Search